ข้าพเจ้าได้มีโอกาสไปสัมภาษณ์พี่เจี้ยบ(คุณณัฐพงศ์ พวงเพชร) ซึ่งจากการสัมภาษณ์คราวนี้ทำให้ข้าพเจ้าได้ทราบถึงสิ่งที่จะได้เจอต่างๆ เมื่ออกไปทำงาน และทราบถึงมุมมองที่พี่เจี๊ยบมีต่อสังคม และสถาปนิกในปัจจุบัน จากคำถามที่ข้าพเจ้าเตรียมไป ในวันที่ 8 ตุลาคม 2552 ตอนประมาณ 5 โมงครึ่งการสัมภาษณ์ก็ได้เริ่มต้นขึ้น
Q: เหตุผลที่พี่เลือกเรียนวิชานี้คืออะไรครับ
A: เพราะพี่มีความชอบทางด้านงานศิลป์ และวิชาสถาปัตยกรรมคือแขนงวิชา ที่รวบรวมทั้งศาสตร์ด้านศิลป์ และวิทยาศาสตร์เข้าด้วยกัน
A: เพราะพี่มีความชอบทางด้านงานศิลป์ และวิชาสถาปัตยกรรมคือแขนงวิชา ที่รวบรวมทั้งศาสตร์ด้านศิลป์ และวิทยาศาสตร์เข้าด้วยกัน
Q: ส่วนร่วมที่มีให้กับคณะหลังจากจบการศึกษาล่ะครับ
A: ส่วนใหญ่ก็คงเป็นงานเลี้ยงสังค์สรรค์แหล่ะครับ (หัวเราะ)
Q: ความรู้สึกที่ได้รับระหว่างการศึกษาที่ลาดกระบังครับ
A: พี่รู้สึกว่าที่ลาดกระบังเราได้รับพื้นฐานในด้านต่างๆที่ดีมากๆครับ แต่ก็ยังมีส่วนที่อ่อนอยู่ซึ่งจะเห็นได้ชัดในเรื่องของการออกแบบครับ
Q: หลังจากที่จบการศึกษาแล้วมาทำงานแล้วรู้สึกอย่างไรบ้างครับ
A: เหนื่อยครับมีลูกอย่าให้ได้มาเรียนเลย (หัวเราะ) ก็ทำงานไม่ค่อยเป็นเวลานะมันแบบต้องคิดเรื่องแบบอยู่ตลอดเวลา และงานสถาปัตยกรรมก็เป็นเรื่องของศิลป์ด้วยบางทีต้องอาศัยอารมณ์ในการที่จะสร้างสรรค์มันขึ้นมา
Q: พอมาทำงานแล้วคิดว่าสิ่งที่ขาดไปตอนเรียนคืออะไรครับ
A: งานด้าน concept ที่ลาดกระบังอ่อนมาก โดยพี่สังเกตได้จากเด็กที่มาฝึกงานที่บริษัทครับ ซึ่งต่างจากที่อื่นๆ
Q: มีความคิดเห็นอย่างไรต่อระบบการศึกษาในปัจจุบันบ้างครับ
A: ก็โอเคนะ เพราะในปัจจุบันคอมพิวเตอร์เข้ามามีบทบาทกับเรามาก และเด็กในปัจจุบันก็มีทักษะทางด้านนี้มากขึ้น แต่มันก็กลับกลายเป็นผลร้าย เพราะบางคนใช้คอมพิวเตอร์ในการคิดแบบทำให้ได้งานที่ขาดความน่าสนใจ เพราะจริงๆแล้วเราควรใช้คอมพิวเตอร์ให้มาตอบสนองต่อการออกแบบไม่ใช่ใช้คอมพิวเตอร์ในการออกแบบ
Q: แล้วสำหรับระบบการศึกษาในอดีตเป็นอย่างไรบ้างครับ
A: พวกพี่อ่อนด้านคอมพิวเตอร์มาก แต่อย่างพี่ยังถือว่าโชคดี เพราะที่เรียนอาจารย์ยอมให้ทำงานคอมพิวเตอร์บ้าง พอมาทำงานจริงเลยได้ใช้ แต่จากความคิดเห็นส่วนตัวนะพี่ว่าเด็กปัจจุบันขี้เกียจกว่าเด็กสมัยก่อน
Q: อุปสรรคที่มักเจอบ่อยๆ เวลาทำงานครับ
A: เรื่องของการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะเราทำงานกับคนหลากหลาย และต่างคนก็ต่างมี ego ของตัวเองทำให้การควบคุมเป็นไปได้ยาก แต่ถ้าทำได้เวลาในการทำงานจะลดน้อยลง ซึ่งเป็นประโยชน์มาก
Q: แล้วมีวิธีแก้ปัญหาอย่าไรครับ
A: อาจจะต้องใจเย็นๆ และพยายามสื่อสารกันให้รู้เรื่อง ว่าเวลาไหนทำอะไร เพราะเรื่องของเวลาสำคัญมาก และต้องลด ego ลงเนื่องจากคนที่มีวุฒิภาวะต่างกัน การสื่อสารก็แตกต่างกัน
Q: สิ่งสำคัญในตอนทำงานคืออะไรครับ
A: เรื่องของเวลาน่ะ เป็นอะไรที่สำคัญมาก เพราะไม่ว่าเราจะทำงานที่เกี่ยวข้องกับเอกชน หรือราชการ เวลาก็มีความสำคัญ เพราะเวลามันหมายถึงเงินที่จะเกิดขึ้น
Q: ตอนทำงานมีรู้สึกเหนื่อย หรือท้อบ้างรึเปล่าครับ
A: ก็มีบ้างนะ ในอารมณ์ที่คิดแบบไม่ออก มันเหนื่อยเพราะโดนเวลาบีบ
Q: คิดว่าจะอยู่ในสายอาชีพนี้ไปอีกนานแค่ไหนครับ
A: คงหนีไปไหนไม่ได้อีกแล้ว (หัวเราะ) เพราะความรู้มันอยู่กับตัว แต่ก็มีความคิดที่ไปรับงานอิสระบ้าง เพราะวิชาชีพนี้สอนให้ในเรื่องของความรับผิดชอบ และความคิดสร้างสรรค์
A: คงหนีไปไหนไม่ได้อีกแล้ว (หัวเราะ) เพราะความรู้มันอยู่กับตัว แต่ก็มีความคิดที่ไปรับงานอิสระบ้าง เพราะวิชาชีพนี้สอนให้ในเรื่องของความรับผิดชอบ และความคิดสร้างสรรค์
Q: ถามถึงประวัติการทำงานหน่อยครับ
A: ก็ตั้งแต่ตอนจบก็มาอยู่ที่จันทิมาพรเลย แบบว่าอาจารย์ไก่แนะนำมา(หัวเราะ) อยู่มา 7 ปีแล้ว ตอนนี้ทำงานอยู่ในตำแหน่งของ senior architecture
Q: ผลงานที่พึงพอใจมีชิ้นไหนบ้างครับ
A: โรงงาน MATCO, ศูนย์ฝึกอบรมวิชาชีพมหาวิทยาลัยราชภัฎพระนคร, ศูนย์ยางรถยนต์ บริษัท C-trac
Q: ความคิดเห็นต่อค่าครองชีพของวิชาชีพสถาปนิก
A: ถือว่าไทยให้เครดิตกับ สถาปนิกน้อยมาก เพราะคนไทยไม่เข้าใจว่าสถาปนิกเป็นอย่างไร ทำแค่กระดาษแผ่นเดียวถึงมีราคาแพง เพราะไม่ใช่แต่เรื่องของการออกแบบ เรายังต้องประสานงานกับสายอาชีพต่างๆ ซึ่งยากจะคุยให้เข้าใจ
Q: มีแบบอย่าง หรือผู้ที่เคารพในสายอาชีพนี้ไหมครับ
A: ก็คงเป็น boss (พี่ตั้ม คุณชินวร )แหล่ะครับ เพราะชอบไอเดียในการออกแบบ และวิธีการทำงานครับ พี่ตั้มเป็นแบบอย่างที่ดีครับ ในเรื่องของการทำงานที่ดีได้ในเวลาที่น้อย และพี่ตั้มยังมีความสามารถในการเจรจางานกับลูกค้าสูงมากด้วยครับ
Q: ความคิดเห็นเกี่ยวกับสถาปนิกภายในประเทศครับ
A: มันมีเรื่องของเส้นสาย, สีของสถาบัน, ใต้โต๊ะ, กฎหมาย มาเป็นสิ่งปิดกั้น จนไม่สามารถทำให้สถาปนิกไทยก้าวไปข้างหน้าได้ ตัวอย่างก็กรณีของงานประกวดแบบรัฐสภา
Q: ความคิดเห็นเกี่ยวกับสถาปนิกในต่างประเทศครับ
A: ตัวสถาปนิกเค้ามีอิสระ ทางความคิด ที่ไม่ถูกบังคับจากเส้นสาย, สีของสถาบัน, ใต้โต๊ะ, กฎหมาย จนไม่สามารถทำให้สถาปนิกไทย เพราะจริงแล้วสถาปนิกไทยเก่งมาก
Q: แล้วถ้างั้นสถาปนิกไทยจะสู้สถาปนิกต่างชาติได้ไหมครับ
A: ได้สิ ยกตัวอย่างจากพวกออกแบบผลิตภัณฑ์ไง จะเห็นได้ชัดมากว่าการออกแบบเราสู้ต่างชาติได้ แต่เรากลับถูกบีบด้วยสังคมของคนไทย
Q: พี่เจี๊ยบคิดว่ามีทักษะใดที่จำเป็นสำหรับวิชาชีพนี้ครับ
A: การเข้าใจในกระบวนการการออกแบบ ที่สามารถรวมเอาศาสตร์ และศิลป์มาใช้จนเกิดความสวยงาม และได้รับการยอมรับ
Q: พี่มีหลักการในการทำงานอย่างไรครับ
A: หลักการก็คือทำอย่างไรก็ได้ให้ส่งได้ทัน การจัดการในเรื่องของเวลา เพราะมันส่งผลถึงความเชื่อถือที่ลูกค้าจะมีให้เรา
Q: สุดท้ายนี้ช่วยฝากข้อเสนอแนะถึงรุ่นน้องที่กำลังจะจบไปหน่อยครับ
A: ต้องทำใจนะว่าการทำงาน กับการเรียนมันไม่เหมือนกัน เราอาจจะต้องเจออะไรที่แตกต่างออกไป เพราะขณะทำงานมันเหมือนกับการเอาทุกสิ่งทุกอย่างมาใช้พร้อมๆกัน การทำงานต้องมีการปูพื้นฐานใหม่ จนเด็กจบใหม่บางคนไม่เข้าใจ และงานจริงกับงานตอนเรียนมันก็ต่างกันมาก เพราะตอนเรียนเราจะได้ทำแต่โปรเจ็คใหญ่ หรือโปรเจ็คที่เราสนใจ แต่พอมาทำงานจริงเราอาจจะได้ทำแค่บ้านหลังเล็กๆเท่านั้นก็เป็นได้