วันที่ 6 กรกฎาคม 2552
หมู่บ้านทุ่งกว๋าว
เช้าวันนี้เรามาศึกษาความเป็นท้องถิ่น ณ หมู่บ้านๆหนึ่ง นั่นคือหมู่บ้านทุ่งกว๋าว ที่หมู่บ้านแห่งนี้นั้น บ้านที่อยู่ที่นี้เป็นอาคารไม้ซะส่วนใหญ่แม้เสาที่เป็นฐานจะมีบางหลังเป็นคอนกรีตบ้างแล้ว วันนี้อากาศยังคงชื้นต่อเนื่องมาตั้งแต่สองวันก่อน ทำให้ภาพที่เก็บได้จากหมู่บ้านทุ่งกว๋าวนั้นแม่ท้องฟ้าจะอึมครึมเมฆหมอกเยอะ แต่ก็ได้ความเขียวสดชื่น จากความชุ่มชื้น บ้านส่วนใหญ่ที่หมู่บ้านแห่งนี้เป็นเรือนเครื่องสับ ไม่ค่อยจะมีเรือนเครื่องผูกเท่าไหร่นัก องค์ประกอบของบ้านแต่ละหลังคล้ายคลึงกับที่ได้ไปดูมาเมื่อวานคือ ลาน และสวนขนาดย่อมหน้าบ้านที่เป็นส่วนเชื่อมต่อกับสถานที่อื่นๆบางหลังก็จัดได้สวยจนเทียบกับสวนญี่ปุ่นสวยๆได้เลยทีเดียว บันไดที่ขึ้นไปแล้วเจอกับประตูบ้าน ถัดเข้าไปด้านในก็เป็นห้องนั่งเล่น หรือห้องครัวแล้วแต่ผู้ใช้ มียุ้งข้าว และห้องน้ำแยกออกไป ข้าพเจ้าเดินถ่ายรูปบ้านแต่ละหลัง โดยมีเด็กน้อยพื้นถิ่นช่วยนำทาง จนกระทั้งไปทะลุออกด้านหลังหมู่บ้าน สิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าตอนนั้น ทำให้ข้าพเจ้าประทับใจกับความสวนของทุ่งนาที่อยู่ท้ายหมู่บ้านมาก เป็นช่วงที่ชาวนาเริ่มนำต้นกล้าที่โตพอแล้วไปดำนา ทุ่งหญ้าที่เขียวสดชื่นนั้นข้าพเจ้ารู้ว่าประทับใจมาก จนไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูด หรือเก็บด้วยรูปถ่ายได้ ที่ทุ่งกว๋าวนี้ข้าพเจ้าจึงใช้เวลาอยู่ที่ทุ่งนาด้านหลังนี้เป็นซะส่วนใหญ่ ก่อนจะใช้เวลาช่วงหลังกับการเดินถ่ายภาพรั้วบ้าน ที่มีพืชผักสวนครัว ประดับอยู่อย่างกลมกลืน เป็นสิ่งปลูกสร้างที่มนุษย์ และธรรมชาติช่วยกันสร้างขึ้น
หมู่บ้านปลายนา
พระรูปหนึ่งที่ได้พบที่บ้านทุ่งกว๋าวนั้น ได้พาพวกข้าพเจ้าไปยังวัดปลายนาซึ่งอยู่ภายในหมู่บ้านปลายนา ข้าพเจ้ากินข้าวกันที่ศาลาของวัดแห่งนี้ หลังจากกินข้าวกันเสร็จแล้ว พระรูปนี้ก็ได้พา เดินชมหมู่บ้านและบ้านโบราณหลายต่อหลายหลัง ที่หมู่บ้านแห่งนี้ก็มีความคล้ายกับหมู่บ้านก่อนหน้านี้แตกต่างตรงที่หมู่บ้านนี้มีถนน ที่ใช้เดินไปยังตรอกซอยต่างที่เป็นคอนกรีต มีหอนาฬิกา จากตรงนี้ทำให้เห็นว่าหมู่บ้านแห่งนี้มีการวางผังที่หมู่บ้านแห่งนี้มีทุ่งนาเช่นกัน แม้จะไม่สวยเท่าทุ่งกว๋าวแต่ก็ยังคงรักษาความเขียวสดเอาไว้ หลังจากที่ถ่ายรูปที่หมู่บ้านนี้เสร็จ ก็แวะบ้านกลังหนึ่งที่อยู่กลางทุ่งนา ที่บ้านหลังนี้แม้จะไม่ใหญ่โตแต่ก็มีการเล่นที่ว่างได้น่าสนใจมาก โครงสร้างหลังคาก็ไม่ธรรมดา คือเสาที่ขึ้นมารับโครงสร้างหลังคานั้นไม่ได้ใช้เพื่อวางพาดขื่อ หรืออะเสอย่างเดียว แต่ใช้รับค้ำยันจากหลากหลายทิศทาง ก่อนจะช่วยกันซื้อลำไยจากคุณยายเจ้าของบ้าน ต่อจากนั้นนั่งรถมาอีกพักเดียวก็แวะลง ไปดูบ้านที่หลังคาถูกมุงด้วยหญ้าแฝก ข้าพเจ้าไม่ได้เข้าไปภายในเพราะคนเยอะมากแต่ก็ยังได้ทานเม็ดขนุนจากเจ้าของบ้าน ณ ที่บ้านหลังนี้มีเหตุการณ์น่าตื่นเต้นอยู่ คือมีพี่ปริญญาโท คนหนึ่งที่ถูกรถมอเตอร์ไซค์ของชาวบ้านชน แต่โชคดีที่รถไม่ได้มาเร็วทำให้พี่คนนั้นไม่ได้รับบาดเจ็บมาก
วัดข่วงกอม
วัดแห่งนี้ถูกออกแบบโดยสถาปนิกท่านหนึ่ง มีรั้วด้วนหน้าเป็นอิฐก่อ ส่วนตัววิหารส่วนใหญ่สร้างจากไม้ กลุ่มเรือนอาศัยที่ถูกออกแบบด้วยไม้นั่น อยู่เข้ากลมกลืนกับธรรมชาติแต่อาจเนื่องด้วยที่มีข้อจำกัดเรื่องต้นไม้ที่ขึ้นเลยคิดว่า อาจเป็นเหตุทำให้เรือนหมู่แห่งนี้ มีสัดส่วนที่ค่อยข้างจะผิดเพี้ยน ดูแล้วไม่คุ้นเคย หากแต่ที่น่าสนใจคือ กลุ่มบ้านที่อยู่ด้านหลังบริเวณนั้น การจัดสวนเล็กที่ดูเข้ากันกับบ้านหลังนั้น สวนที่อยู่หน้าบ้านก็มีความงามในการจัดวางที่ลงตัว หลังจากนั้นจึงได้พากันเดินลุยโคน และข้ามสะพานไม้ที่มีแม่น้ำไหลผ่านออกไปยังนาด้านหลัง ที่ตรงนั้นก็เขียวสดน่าประทับใจเหมือนเดิม ก่อนจะสิ้นแสงของวันนี้ก็ได้กลับไปถ่ายยังวิหารวัดข่วงกอมที่เปิดไฟแล้วก็ให้ความสวยงามไปอีกแบบ
วันพุธที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น