วันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ประวัติ รองศาสตราจารย์ วิวัฒน์ เตมียพันธ์ (อาจารย์ จิ๋ว)


อาจารย์จิ๋ว(รศ. วิวัฒน์ เตมียพันธ์)
ผู้ชายผมสีดอกเลา เสียงดังโหวกเหวก สะพายย่ามติดตัวตลอดเวลาใส่รองเท้าคีบ เสื้อเชิ้ตขาวอมเทา เป็นความทรงจำที่ฝังแน่น เสียงตะโกนให้นักเรียนหลบไป เพราะจารย์จิ๋วจะถ่ายรูป ภาพนักเรียนกระเด็นกันไปคนละทิศ ยังคงตรึงในความทรงจำของเด็กถาปัด อาจารย์ทั้งสองคนไม่เคยโปรโมทตัวเอง ไม่รับงานนอก ไม่มีบริษัท อาจารย์ทำงานหนัก สอนเยอะชั่วโมงกว่าอาจารย์คนอื่น พานักเรียนไปต่างจังหวัด ข้าพเจ้าไม่รู้ว่า ท่านทุ่มเทขนาดนั้นได้อย่างไร ในขณะที่ อาจารย์คนอื่น ต้องรับงานนอก หรือทำธุรกิจอื่นไปด้วย อาจเพราะเงินเดือนของข้าราชการที่ไม่ค่อยจะพอเพียง ข้าพเจ้ารู้แต่ว่า อาจารย์เป็นคนที่เราเรียกได้เต็มปากว่า"ครู"
หากแต่ถามถึงประวัติของท่านแล้ว ก็จะมีคนไม่มากนักที่รู้ถึงประวัติของท่าน ซึ่งความรู้สึกของข้าพเจ้ามันช่างเป็นเรื่องน่าเสียใจยิ่งนัก วันนี้ข้าพเจ้าจึงมีโอกาสได้ นำเสนอชีวประวัติของอาจารย์จิ๋ว ซึ่งข้าพเจ้ารู้สึกภูมิใจจริงๆ ที่ได้เรียนวิชา ทุกวิชาที่เรียนท่าน

ชีวประวัติ ของ รองศาสตราจารย์ วิวัฒน์ เตมียพันธ์

เกิดเมื่อวันที่ ๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๔
วุฒิการศึกษา
สำเร็จการศึกษา สถาปัตยกรรมศาสตร์บัณฑิต (สถาปัตยกรรม) จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ประวัติการรับราชการ
- เริ่มเข้ารับราชการ เมื่อวันที่ ๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๐๗ ในตำแหน่ง อาจารย์ ที่วิทยาลัยวิชาการก่อสร้าง ซึ่งต่อมาได้ยกฐานะเป็นคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
- เมื่อวันที่ ๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๒๐ ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ สังกัดภาควิชาสถาปัตยกรรม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
- และเมื่อวันที่ ๒๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๓๗ ขึ้นดำรงตำแหน่งรองศาสตราจารย์ ระดับ ๙ สังกัดภาควิชาสถาปัตยกรรม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง


เกียรติประวัติและรางวัลระดับชาติที่ได้รับ
1.ได้รับรางวัลเกียรติยศระดับชาติ ในปี พ.ศ. ๒๕๔๐ เข้ารับพระราชทานรางวัล “ผู้อนุรักษ์มรดกไทยดีเด่นประเภทบุคคลประจำปี ๒๕๔๐” โดยการคัดเลือกของกรมศิลปากร
2.ได้รับการคัดเลือกเป็นสถาปนิกดีเด่นในด้าน “สถาปนิกดีเด่นด้านวิชาการ” ประจำปี พ.ศ. ๒๕๔๗ โดยการคัดเลือกของสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ (ในโอกาสที่สมาคมได้ก่อตั้งมาครบ ๗๐ ปี)

3.ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ (ตามลำดับ) ดังนี้
- จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย
- ตริตราภรณ์มงกุฎไทย
- ตริตราภรณ์ช้างเผือก
- ทวิติยาภรณ์มงกุฎไทย
- ทวิติยาภรณ์ช้างเผือก
- ปถมาภรณ์มงกุฎไทย (สายสะพาย)
- ปถมาภรณ์ช้างเผือก (สายสะพาย)
และได้รับเหรียญจักรพรรดิมาลา ในปี พ.ศ. ๒๕๓๒

รองศาสตราจารย์วิวัฒน์ เตมียพันธ์ เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านสถาปัตยกรรมไทย สถาปัตยกรรมไทยพื้นถิ่น และองค์ความรู้ทางด้านการออกแบบนานาสาขา อาทิ ผลิตภัณฑ์พื้นถิ่นของชาวบ้านในแต่ละภูมิภาค เป็นผู้บุกเบิกการศึกษาค้นคว้าทางด้านสถาปัตยกรรมไทยพื้นถิ่น, การ ศึกษาทางด้านนิเวศน์วิทยาวัฒนธรรม, และทางด้านภูมิทัศน์วัฒนธรรม อย่างจริงจังและต่อเนื่อง
ท่านเป็นผู้จุดประกายความคิดแก่วงการการศึกษาสถาปัตยกรรมในประเทศไทย ให้หวนกลับมามองถึงคุณค่าของรากเหง้าวัฒนธรรมของบรรพบุรุษ ท่ามกลางกระแสการศึกษาสมัยใหม่ในยุคโลกาภิวัตน์ ที่นับวัน สังคมกำลังจะมองข้ามความสำคัญของภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทยไป ทั้งยังได้ชี้แนะให้ติดตามศึกษาองค์ความรู้ทางสถาปัตยกรรมจากตะวันตก ควบคู่กับองค์ความรู้ภูมิปัญญาตะวันออก ก่อให้เกิดการรู้เท่าทัน เห็นคุณค่า เกิดการหวงแหน สืบสานการอนุรักษ์ภูมิปัญญาไทย ให้อยู่คู่กับสังคมไทยอย่างยั่งยืน
ท่านเป็นผู้ชี้ให้เห็นแนวทางการสืบต่อความเข้าใจและวิธีคิด ในด้านสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นของไทย โดยมุ่งเน้นการพึ่งพาตนเอง ด้วยภูมิปัญญาระดับท้องถิ่นที่สืบสานผสมผสานกับการประยุกต์ใช้งาน ไม่พึ่งพาเทคโนโลยีชั้นสูงโดยไม่จำเป็น โดยเน้นให้ศึกษาถึงวิธีการแก้ปัญหาของชุมชนในท้องถิ่นต่างๆ ซึ่งมีการสั่งสมภูมิปัญญามาจากบรรพบุรุษ จนได้วิธีการแก้ปัญหานั้นๆ เกิดการประสาน ปรับตัวอย่างเหมาะสมสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมในที่สุด เป็นการชี้ให้เห็นคุณค่าของความผูกพันระหว่างมนุษย์กับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ ที่ต้องอาศัยพึ่งพิงกัน ในลักษณะเกื้อกูลซึ่งกันและกัน ในระบบนิเวศวิทยา
ท่านเป็นผู้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการวางรากฐานของมรดกทางวัฒนธรรมไทย ทั้งยังเป็นผู้วางรากฐานทางการศึกษาสถาปัตยกรรมไทย ตลอดจนเป็นผู้ริเริ่มวางหลักสูตรของภาควิชาสถาปัตยกรรม ภาควิชาสถาปัตยกรรมภายใน คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ให้เป็นหลักสูตรที่เติมเต็มเนื้อหาวิชาการจากศาสตร์หรือสาขาวิชาแขนงอื่นที่เกี่ยวข้องเข้ากับหลักสูตรวิชาเฉพาะในด้านสถาปัตยกรรม ให้มีลักษณะผสมผสานองค์ความรู้แบบองค์รวม ตัวอย่างวิชาดังกล่าว ได้แก่ วิชาออกแบบทัศนศิลป์ (Visual Design), การวิเคราะห์การออกแบบ (Design Analysis), ออกแบบสถาปัตยกรรมภายใน (Interior Architecture), ออกแบบภูมิสถาปัตยกรรม (Landscape Architecture) วัฒนธรรมไทย (Thai Culture), ประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรม (History of Architecture), จริยศาสตร์และสุนทรียศาสตร์ (Ethics and Aesthetics) ในส่วนของวิชาเลือกคือดนตรีวิจักขณ์ (Music Appreciation), ศิลปะไทย (Thai Arts), ดนตรีไทย (Thai Music), สถาปัตยกรรมไทยพื้นถิ่น (Thai Vernacular Architecture) เป็นต้น

จากการปรับเปลี่ยนหลักสูตรของภาควิชาสถาปัตยกรรม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สจล. ดังกล่าว นับได้ว่าเกิดประโยชน์แก่วงการการศึกษาในสาขาสถาปัตยกรรมเป็นอันมากนอกเหนือจากเป็นการผลิตบัณฑิตให้มีคุณภาพและคุณธรรม ได้เรียนรู้และเข้าใจในวัฒนธรรมไทยอันดีแล้ว ยังเป็นการสร้างคุณลักษณะพิเศษและสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตน บัณฑิต(ส่วนใหญ่)ที่สำเร็จการศึกษาจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สจล. จึงเป็นผู้มีสำนึกและเข้าใจในเรื่องรากเหง้าวัฒนธรรม เข้าใจความสำคัญของสภาพแวดล้อมพื้นถิ่น พร้อมทั้งสามารถนำความรู้ที่ได้รับการถ่ายทอด ปลูกฝัง นำไปประยุกต์ รับใช้สังคมและประเทศชาติได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ ท่านยังเป็นผู้บุกเบิกและชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นและความสำคัญของกระบวนการการเรียนรู้ด้วยวิธีการออกสำรวจเก็บข้อมูล ในสถานที่จริง ซึ่งถือว่าเป็นกระบวนการในเชิงมนุษยศาสตร์ที่ก่อให้เกิดการเรียนรู้และประจักษ์แจ้งถึงข้อเท็จจริง เป็นการวางรากฐานและเป็นแบบอย่างที่ดี ในการศึกษาและเก็บข้อมูลด้านสถาปัตยกรรมไทยพื้นถิ่นของมหาวิทยาลัยในระดับอุดมศึกษาของชาติหลายแห่งในเวลาต่อมา
นับว่าเป็นการสร้างรูปแบบและวิธีการเรียนรู้ในด้านสถาปัตยกรรม ที่มีกระบวนการการเรียนรู้จากประสบการณ์การเรียนรู้ส่วนตนของผู้เรียนให้เกิดขึ้นในประเทศ ถือเป็นเอกลักษณ์และเป็นจุดเด่นที่สำคัญกับคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังเป็นอย่างยิ่ง โดยที่ผู้เรียนแต่ละคนย่อมสามารถนำข้อมูลที่เก็บรวบรวม มาสังเคราะห์และวิเคราะห์ ประจักษ์เป็นองค์ความรู้ที่ได้จากประสบการณ์ส่วนตน ไปประยุกต์ใช้งานได้จริง ทั้งความเข้าใจในด้านเทคนิควิธี ทฤษฎีด้านพฤติกรรมศาสตร์และด้านการออกแบบวิชาชีพตามความเหมาะสมในภายภาคหน้า
นอกเหนือจากความรู้ในเนื้อหาวิชาการที่นักศึกษาได้เรียนรู้ผ่านการสอนจากรองศาสตราจารย์วิวัฒน์ เตมียพันธ์แล้ว ท่านยังอบรมสั่งสอนคุณลักษณะพิเศษด้านอื่นๆที่เป็นประโยชน์ในการดำเนินชีวิตภายใต้แนวคิดแบบพึ่งพาตนเองและอยู่อย่างพอเพียงแก่ศิษย์อีกด้วย ได้แก่ สอนให้รู้จักคุณค่าของทรัพยากร, สอนให้รู้จักใช้ประโยชน์จากวัสดุให้เกิดประโยชน์คุ้มค่าที่สุด, สอนให้เห็นคุณค่าของการศึกษา ให้มีความรับผิดชอบ ตรงต่อเวลา ให้ความสำคัญกับทุกแขนงรายวิชา เป็นต้น
ตลอดระยะเวลาการรับราชการ รองศาสตราจารย์วิวัฒน์ เตมียพันธ์ เป็น “ครู” ผู้อุทิศตน ทุ่มเทให้กับงานสอน เป็น “ครู”ผู้มีคุณูปการมุ่งมั่นสั่งสอนปลูกฝังให้ศิษย์ในภาควิชาต่างๆ เป็นบัณฑิตผู้มีความรู้ทางด้านเอกลักษณ์ไทยที่ก้าวไปพร้อมกับโลกยุคใหม่อย่างมีคุณธรรม
ปัจจุบันรองศาสตราจารย์วิวัฒน์ เตมียพันธ์ เกษียณอายุราชการและเป็นข้าราชการบำนาญ แต่ด้วยวิญญาณของ “ครู“ ท่านคงรับภาระงานสอนให้แก่นักศึกษาในระดับปริญญาตรีและระดับปริญญาโท ของภาควิชาสถาปัตยกรรม ภาควิชาสถาปัตยกรรมภายใน และภาควิชาศิลปอุตสาหกรรม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สจล. นอกจากนี้ท่านยังได้รับเชิญให้เป็นวิทยากรบรรยายพิเศษหรือเป็นกรรมการวิทยานิพนธ์ ให้แก่ สถาบันการศึกษาที่สอนสาขาวิชาสถาปัตยกรรม ทั้งในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก ที่ได้รับเชิญเป็นประจำ ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร และสถาบันอื่นตามแต่โอกาส เช่นที่สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตอุเทนถวาย ซึ่งท่านเคยรับไปบรรยายพิเศษเป็นระยะเวลาต่อเนื่องนานกว่า ๑๐ ปี

ผลงานทางวิชาการ
1.บทความทางวิชาการ เรื่อง “สาระของชนบทในบางมิติ ที่ต้องอาศัยการรู้แจ้งจากประสบการณ์ภาคสนาม” ในหนังสือ “มรดกความงามของสภาพแวดล้อมท้องถิ่นไทย” จัดพิมพ์โดย ภาควิชาสถาปัตยกรรม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง พ.ศ. ๒๕๔๗
2.บทความทางวิชาการเรื่อง “สถาปัตยกรรมพื้นถิ่นไทย ฐานะที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมกับการออกแบบปัจจุบันและความหมายของที่อยู่อาศัยตามโลกทัศน์ล้านนาโบราณ” เอกสารประกอบการประชุมทางวิชาการ “ความหลากหลายของเรือนพื้นถิ่นไทย” จัดโดยคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๓
3.บทความทางวิชาการ เรื่อง “เรือนพักอาศัย รูปแบบสำคัญของสถาปัตยกรรมพื้นถิ่น” ตีพิมพ์ในวารสาร อาษา เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๑
4.ค้นคว้าเรื่อง “สถาปัตยกรรมล้านนา” และได้รวบรวมโดยเขียนหนังสือ “สถาปัตยกรรมล้านนา” เนื่องในวโรกาสที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ มีพระชนมายุครบ ๖๐ พรรษา โดยสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ ในปี พ.ศ. ๒๕๓๕
5.การศึกษาการใช้พื้นที่เพื่อการท่องเที่ยวเกาะสีชัง อ.ศรีราชา จังหวัดชลบุรี ในปี พ.ศ. ๒๕๓๔
6.การศึกษาเพื่อจัดทำหุ่นจำลองสภาพการใช้พื้นที่ประวัติศาสตร์ป้อมเพชร ศูนย์ประวัติศาสตร์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในปี พ.ศ. ๒๕๓๓
7.โครงการวิจัย “รูปแบบเรือนพักอาศัยพื้นถิ่นของชุมชนไทยเชื้อสายมอญ ย่านคลองมอญ หัวตะเข้ เขตลาดกระบัง” เป็นการออกสำรวจและเก็บข้อมูลภาคสนาม ด้วยการออกไปสัมผัสยังสถานที่สำรวจ รวมไปถึงการสัมภาษณ์ และจดบันทึกข้อมูลด้วยภาพวาดลายเส้นทางสถาปัตยกรรม ของชาวมอญที่ตั้งบ้านเรือนบริเวณคลองมอญ คลองประเวศน์บุรีรมย์ตลอดไปจนถึงคลองลำปลาทิว ในปี พ.ศ. ๒๕๓๒
8.เอกสารทางวิชาการ เรื่อง “สังเขปความ การตั้งถิ่นฐานมนุษย์ในภาคอีสาน (และบางส่วนของลาว) ในเชิงเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ทางเอกสารและหลักฐาน ถึงรัชสมัยพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช)” ใช้ประกอบในการสัมมนาเรื่อง “เอกลักษณ์สถาปัตยกรรมอีสาน” จัดโดยสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๐
9.บทความทางวิชาการ เรื่อง “แนวทางการศึกษาสถาปัตยกรรมพื้นถิ่น” เผยแพร่ในการอบรม “แนวทางการศึกษาและวิจัยทางศิลปกรรมไทย” ของคณะมัณฑนศิลป์ร่วมกับคณะอนุกรรมการการวิชาการโครงการจัดตั้งหอศิลป ณ มหาวิทยาลัยศิลปากร ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๒๙
10.หนังสือ “สถาปัตยกรรมไทยพื้นถิ่น” จัดพิมพ์โดยคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง พ.ศ. ๒๕๒๕
11.งานวิจัยเรื่อง “เรือนเครื่องผูกชาวนา (โรงนา) ที่หมู่ ๑ ตำบลคอกกระบือ อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร” โดยงานวิจัยได้รับทุนอุดหนุนด้วยเงินงบประมาณ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ปี พ.ศ. ๒๕๒๔
12.สำรวจค้นคว้าเรื่อง “รูปแบบอาคารที่พักอาศัยพื้นบ้านในชนบทของไทยทุกภาค” พร้อมกับศึกษาสภาพแวดล้อมทางวัฒนธรรมของแต่ละท้องถิ่น เพื่อนำมาเป็นข้อมูลการเรียนการสอนให้อนุชนรุ่นหลังมีความตะหนักถึงมรดกทางวัฒนธรรมไทย อันมีคุณค่าที่บรรพบุรุษได้สร้างสรรค์ไว้
13.เอกสารคำสอนวิชาประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรม ๑ เรื่อง “อียิปต์ เมโสโปเตเมีย กรีก โรมัน คริสเตียนยุคแรก” ภาควิชาสถาปัตยกรรม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
นอกจากนี้ รองศาสตราจารย์วิวัฒน์ เตมียพันธ์ ยังได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญ รอบรู้ในศาสตร์แขนงอื่นอีกด้วย ที่พอกล่าวได้มีดังนี้ เช่น ในด้านศิลปะไทย, วัฒนธรรมประเพณีล้านนา, ประวัติศาสตร์, ชาติพันธุ์วิทยา, คติพื้นบ้าน, ตลอดจนในด้านดนตรีไทย เป็นนักดนตรีไทย (เป่าขลุ่ย) ท่านจึงได้รับเชิญเข้าร่วมสัมมนาหรือเป็นองค์ปาฐกในงานวิชาการระดับประเทศอย่างต่อเนื่อง อาทิ
1.เป็นวิทยากรบรรยายในงานสัมมนาวิชาการนานาชาติ ในงานสถาปนิก ๕๐ “International Seminar Architect’ 07: Leap to the Future” หัวข้อบรรยาย “วิถีไทยการดำรงอยู่บางประการผ่านวรรณศิลป์และดุริยางคศิลป์” จัดโดยสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ณ ศูนย์กลางการประชุมเมืองทองธานี เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๐
2.เป็นองค์ปาฐกในการสัมมนาทางวิชาการและการจัดแสดงผลงานภาพถ่าย ในหัวข้อโครงการ “มรดกความงามของสภาพแวดล้อมท้องถิ่นไทย” ที่ภาควิชาสถาปัตยกรรม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สจล. จัดขึ้น เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๔๗
3.เป็นองค์ปาฐกในงานสัมมนาวิชาการ “สัปดาห์วิชาการครั้งที่ ๑” จัดโดยคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ปี พ.ศ. ๒๕๔๖
4.ร่วมสัมมนาวิชาการ ในงาน สถาปนิก๔๖ เรื่อง “สุนทรียศาสตร์ทางด้านดนตรี” จัดโดยสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ณ ศูนย์กลางการประชุมเมืองทองธานี ปี พ.ศ. ๒๕๔๖
5.เข้าร่วมประชุมทางวิชาการ เรื่อง “ความหลากหลายของเรือนพื้นถิ่นไทย” จัดโดยคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ปี พ.ศ. ๒๕๔๓
6.เป็นองค์ปาฐกในงานสัมมนาวิชาการ “สาระศาสตร์” จัดโดย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปี พ.ศ. ๒๕๔๒

ผลงานด้านการออกแบบ
1.ออกแบบอาคารทรงไทย และกลุ่มอาคารเรียนสองชั้น ภายในคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ปี พ.ศ. ๒๕๑๔-๒๕๑๕
2.ออกแบบกู่ เพื่อเป็นอนุสาวรีย์ของพระราชอินทวิชยานนท์ บนยอดดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่




















1 ความคิดเห็น:

  1. อ่านแล้ว.....แม้จะหาประวัติมาอย่างละเอียด.....
    น่าจะมีคำที่ครูสอน...และเป็นคติที่ให้จำจนขึ้นใจ...และความประทับใจสำหรับัวคุณเองด้วยนะ....เขียนสักหน่อย.....

    อ่อ...น่ามีรูปถ่ายผลงาน..ประกอบบ้างนะ

    ตอบลบ